คลังบทความของบล็อก

ล่าสุด


เมืองมุยเน่ (Mui Ne) ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดบิ่ญถ่วน (Binh Thuan) ในภูมิภาคภาคกลางตอนใต้ ของประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ ประมาณ 230 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

          เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของชายหาดทอดยาว สวยงาม และเงียบสงบ บริเวณชายหาดยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ร่มรื่นไปด้วยต้นมะพร้าวริมชายหาดมากมาย ชาวบ้านยังคงมีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย มีอาชีพหลักคือการทำประมง ภาพของเรือหาปลาที่ออกล่องลอยไปกลางทะเลในรุ่งสาง และกลับมายังฝั่งในยามเย็น เป็นภาพที่ปรากฏที่นี่ทุกวัน ทำให้ชายทะเลมุยเน่มีบรรยากาศผ่อนคลาย น่าพักผ่อน มีโรงแรม ที่พัก รีสอร์ทมากมาย รวมทั้งร้านอาหารทะเลริมทะเลบรรยากาศสุดโรแมนติก ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่พักตากอากาศในฝันของชาวเวียดนามและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

มุยเน่ ดินแดนทะเลทรายสีแดง


เมืองมุยเน่ (Mui Ne) ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดบิ่ญถ่วน (Binh Thuan) ในภูมิภาคภาคกลางตอนใต้ ของประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ ประมาณ 230 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

          เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของชายหาดทอดยาว สวยงาม และเงียบสงบ บริเวณชายหาดยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ร่มรื่นไปด้วยต้นมะพร้าวริมชายหาดมากมาย ชาวบ้านยังคงมีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย มีอาชีพหลักคือการทำประมง ภาพของเรือหาปลาที่ออกล่องลอยไปกลางทะเลในรุ่งสาง และกลับมายังฝั่งในยามเย็น เป็นภาพที่ปรากฏที่นี่ทุกวัน ทำให้ชายทะเลมุยเน่มีบรรยากาศผ่อนคลาย น่าพักผ่อน มีโรงแรม ที่พัก รีสอร์ทมากมาย รวมทั้งร้านอาหารทะเลริมทะเลบรรยากาศสุดโรแมนติก ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่พักตากอากาศในฝันของชาวเวียดนามและนักท่องเที่ยวต่างชาติ


• พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได๋
• พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได๋ ตั้งอยู่นอกเมืองดาลัดไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร พระราชวังของกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปี โดยเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2476 ภายในตัวอาคารมีห้องภาพขของพระเจ้าเบ๋าได๋ พระมเหสี พระโอรส พระธิดา มีห้องสำหรับทรงงานแต่บนโต๊ะสำหรับทรงงานกลับมีโทรศัพท์วางไว้สองเครื่อง อีกเครื่องคาดว่าจะเป็นของเหวียนวันเทียว อดีตประธานาธิบดีของเวียดนามใต้ หลังจากพระเจ้าเบ๋าได๋เสด็จออกจากประเทศเวียดนามเพื่อไปพำนักอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ส. 1975 พระราชวังแห่งนี้จึงกลายเป็นที่พำนักของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์

• น้ำตกดาตันลา Datanla
• น้ำตกดาตันลา Datanla อยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่แต่มีความงดงามด้วยสภาพแวดล้อมทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมากเนื่องจากอยู่ริมถนน ที่จอดรถสะดวกสบายและยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการ
• ใครที่ชอบความตื่นเต้นอย่าพลาดกับโปรแกรมน้ำตกดาตันลา (Datanla) เพราะว่าการที่จะเข้าไปชมน้ำตกเราต้องนั่งรถราง (Roller Coaster) ลงไป นั่งกันคันละสองคน (จะนั่งคนเดียวก็ได้) คนนั่งหน้าจะเป็นคนถ่ายรูปคนนั่งหลังทำหน้าที่เบรก ไม่อันตรายครับ ระหว่าเส้นทางก็จะผ่านผืนป่า สำหรับคนชอบความมันส์ แนะนำเทคนิคการขี่ว่าให้เราทิ้งช่วงระยะห่างกับคันข้างหน้าเยอะๆหน่อย แล้วก็ปล่อยลงไปแบบไม่ต้องเบรกครับ จะได้เพิ่มความเร็วขึ้นมาได้ รถจะไปจอดให้เราลงไปชมน้ำตก ซึ่งน้ำตกมีหลายชั้น ขากลับขึ้นจากน้ำตกเราก็ขึ้นรถรางกลับขึ้นมาที่เดิมจุดที่เราลงไป

• น้ำตกช้าง ตั้งอยู่นอกเมืองไปทางหมู่บ้านปลูกกาแฟ จัดเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งในดาลัด ตัวน้ำตกมีความสูงราว ๆ 30 – 40 เมตร ทำให้บริเวณด้านล่างเต็มไปด้วยละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่ในฤดูฝนจะไม่สามารถลงไปชมความงามด้านล่างน้ำตกได้ เนื่องจากมีน้ำหลากและอันตราย บริเวณด้านหน้าของน้ำตกมีร้านอาหารเล็ก ๆ และมีกาแฟสดสูตรพิเศษที่คั่วกันแบบสด ๆ ตามแบบฉบับของดาลัดไว้บริการ

พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิบ๋าวได๋ เมืองดาลัด


• พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได๋
• พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได๋ ตั้งอยู่นอกเมืองดาลัดไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร พระราชวังของกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปี โดยเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2476 ภายในตัวอาคารมีห้องภาพขของพระเจ้าเบ๋าได๋ พระมเหสี พระโอรส พระธิดา มีห้องสำหรับทรงงานแต่บนโต๊ะสำหรับทรงงานกลับมีโทรศัพท์วางไว้สองเครื่อง อีกเครื่องคาดว่าจะเป็นของเหวียนวันเทียว อดีตประธานาธิบดีของเวียดนามใต้ หลังจากพระเจ้าเบ๋าได๋เสด็จออกจากประเทศเวียดนามเพื่อไปพำนักอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ส. 1975 พระราชวังแห่งนี้จึงกลายเป็นที่พำนักของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์

• น้ำตกดาตันลา Datanla
• น้ำตกดาตันลา Datanla อยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่แต่มีความงดงามด้วยสภาพแวดล้อมทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมากเนื่องจากอยู่ริมถนน ที่จอดรถสะดวกสบายและยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการ
• ใครที่ชอบความตื่นเต้นอย่าพลาดกับโปรแกรมน้ำตกดาตันลา (Datanla) เพราะว่าการที่จะเข้าไปชมน้ำตกเราต้องนั่งรถราง (Roller Coaster) ลงไป นั่งกันคันละสองคน (จะนั่งคนเดียวก็ได้) คนนั่งหน้าจะเป็นคนถ่ายรูปคนนั่งหลังทำหน้าที่เบรก ไม่อันตรายครับ ระหว่าเส้นทางก็จะผ่านผืนป่า สำหรับคนชอบความมันส์ แนะนำเทคนิคการขี่ว่าให้เราทิ้งช่วงระยะห่างกับคันข้างหน้าเยอะๆหน่อย แล้วก็ปล่อยลงไปแบบไม่ต้องเบรกครับ จะได้เพิ่มความเร็วขึ้นมาได้ รถจะไปจอดให้เราลงไปชมน้ำตก ซึ่งน้ำตกมีหลายชั้น ขากลับขึ้นจากน้ำตกเราก็ขึ้นรถรางกลับขึ้นมาที่เดิมจุดที่เราลงไป

• น้ำตกช้าง ตั้งอยู่นอกเมืองไปทางหมู่บ้านปลูกกาแฟ จัดเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งในดาลัด ตัวน้ำตกมีความสูงราว ๆ 30 – 40 เมตร ทำให้บริเวณด้านล่างเต็มไปด้วยละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่ในฤดูฝนจะไม่สามารถลงไปชมความงามด้านล่างน้ำตกได้ เนื่องจากมีน้ำหลากและอันตราย บริเวณด้านหน้าของน้ำตกมีร้านอาหารเล็ก ๆ และมีกาแฟสดสูตรพิเศษที่คั่วกันแบบสด ๆ ตามแบบฉบับของดาลัดไว้บริการ


Crazy House (เครซี่เฮาส์) หรือ  Hang Nga Guesthouse ซึ่งนอกจากจะเป็นที่พักแล้ว ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของเมืองดาลัด ประเทศเวียดนามอีกด้วย  โดยเริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2014 มาจนถึงปัจจุบัน  ด้วยรูปทรงที่ประหลาดของอาคารทำให้ที่นี่เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งของเมืองดาลัท

ทางผู้สร้างและออกแบบได้กล่าวไว้ว่า สำหรับที่ Crazy House (เครซี่เฮาส์) นี้ ผู้เข้าชมจะรู้สึกเหมือนได้ไปเยือนดินแดนมหัศจรรย์อย่างใน Alice in wonderland ด้วยรูปร่างที่แปลกประหลาดในส่วนต่างๆ ของปราสาท บ้างมีแผ่นเหล็กแมงมุมยักษ์ที่ปากทางเข้าระหว่างตึก  ตัวปราสาทสร้างด้วยคอนกรีต รูปแบบตึกเป็นใยแมงมุม ต้นไม้ ถ้ำ ทั้งหมดดูแปลกตาไปหมด

บ้านรูปทรงแปลกประหลาดนี้ กับชื่อ Crazy House (เครซี่เฮาส์)  จึงถือว่ามันเป็นชื่อที่เหมาะสมจริงๆ ด้วยการออกแบบที่แปลกตา ภายในห้องพัก แต่ละห้องออกแบบและตกแต่งแตกต่างกัน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยที่นี่จึงนิยมเข้ามาถ่ายภาพกัน กับหารออกแบบประหลาด ด้วยรูปทรงที่ไม่มีรูปแบบตายตัวและบางจุดก็เพิ่มความตื่นเต้นหวาดเสียว ให้แก่ผู้เข้าชมด้วย สะพานปูนเล็กๆ บนหลังคาที่พัก เป็นความแปลกที่สร้างความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวได้ไปยืนถ่ายรูปกัน แต่ก็ต้องระมัดระวังกันด้วย เพราะถ้าตกลงไปละแย่แน่ๆ

Crazy House (เครซี่เฮาส์) นี้มีข้อห้ามคือ ห้ามขึ้นไปนั่งบนเตียงนอน เมื่อเราเข้าชมห้องพักต่างๆ  เพราะที่นี่เปิดเป็นที่พักด้วย   สำหรับการพักที่นี่อาจจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่าน ชอบเงียบๆ ซักนิด เพราะอยู่ห่างจากตลาดพอสมควร ต้องซื้อของกินเข้ามาก่อนด้วย Crazy House (เครซี่เฮาส์) อยู่ห่างจากตลาดสดเมืองดาลัทระยะทางไม่เกิน 2 กิโลเมตร   ซึ่งหากจะเดินไปก็ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง   ราคาที่พักเริ่มต้นที่ ห้องละ 25$ ขึ้นอยู่จำนวนผู้เข้าพักและแบบห้องพักซึ่งในแต่ละห้องแตกต่างกัน

ดาลัด เครซี่เฮ้าส์ Crazy House


Crazy House (เครซี่เฮาส์) หรือ  Hang Nga Guesthouse ซึ่งนอกจากจะเป็นที่พักแล้ว ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของเมืองดาลัด ประเทศเวียดนามอีกด้วย  โดยเริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2014 มาจนถึงปัจจุบัน  ด้วยรูปทรงที่ประหลาดของอาคารทำให้ที่นี่เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งของเมืองดาลัท

ทางผู้สร้างและออกแบบได้กล่าวไว้ว่า สำหรับที่ Crazy House (เครซี่เฮาส์) นี้ ผู้เข้าชมจะรู้สึกเหมือนได้ไปเยือนดินแดนมหัศจรรย์อย่างใน Alice in wonderland ด้วยรูปร่างที่แปลกประหลาดในส่วนต่างๆ ของปราสาท บ้างมีแผ่นเหล็กแมงมุมยักษ์ที่ปากทางเข้าระหว่างตึก  ตัวปราสาทสร้างด้วยคอนกรีต รูปแบบตึกเป็นใยแมงมุม ต้นไม้ ถ้ำ ทั้งหมดดูแปลกตาไปหมด

บ้านรูปทรงแปลกประหลาดนี้ กับชื่อ Crazy House (เครซี่เฮาส์)  จึงถือว่ามันเป็นชื่อที่เหมาะสมจริงๆ ด้วยการออกแบบที่แปลกตา ภายในห้องพัก แต่ละห้องออกแบบและตกแต่งแตกต่างกัน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยที่นี่จึงนิยมเข้ามาถ่ายภาพกัน กับหารออกแบบประหลาด ด้วยรูปทรงที่ไม่มีรูปแบบตายตัวและบางจุดก็เพิ่มความตื่นเต้นหวาดเสียว ให้แก่ผู้เข้าชมด้วย สะพานปูนเล็กๆ บนหลังคาที่พัก เป็นความแปลกที่สร้างความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวได้ไปยืนถ่ายรูปกัน แต่ก็ต้องระมัดระวังกันด้วย เพราะถ้าตกลงไปละแย่แน่ๆ

Crazy House (เครซี่เฮาส์) นี้มีข้อห้ามคือ ห้ามขึ้นไปนั่งบนเตียงนอน เมื่อเราเข้าชมห้องพักต่างๆ  เพราะที่นี่เปิดเป็นที่พักด้วย   สำหรับการพักที่นี่อาจจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่าน ชอบเงียบๆ ซักนิด เพราะอยู่ห่างจากตลาดพอสมควร ต้องซื้อของกินเข้ามาก่อนด้วย Crazy House (เครซี่เฮาส์) อยู่ห่างจากตลาดสดเมืองดาลัทระยะทางไม่เกิน 2 กิโลเมตร   ซึ่งหากจะเดินไปก็ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง   ราคาที่พักเริ่มต้นที่ ห้องละ 25$ ขึ้นอยู่จำนวนผู้เข้าพักและแบบห้องพักซึ่งในแต่ละห้องแตกต่างกัน


• วัดตั๊กลัม (Thien Vien Truc Lam)
• วัดตั๊กลัม (Thien Vien Truc Lam) ที่นี่คือวัดพุทธในนิกายเซน (ZEN) แบบญี่ปุ่น มหายานค่ะ ซึ่งแม้จะเป็นพุทธเช่นนิกายเถรวาทแบบบ้านเรา แต่ธรรมเนียมปฏิบัติหลายๆ ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง
• นิกายเซ็น (Zen) เป็นนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนา อยู่ในฝ่ายมหายาน แต่มีความคล้ายคลึงกับเถรวาทในสายพระป่า เซ็นไม่นิยมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ เซ็นจะเน้นการฝึกปฏิบัติ ฝึกการใช้ปัญญา และสมาธิ เพื่อให้ เกิดพุทธิปัญญาจนเข้าใจหลักธรรมด้วยตนเอง นับถือกันในแถบเอเชียตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี)
• เซน มีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย จากนั้นถูกเผยแพร่มาสู่จีน เกาหลีและญี่ปุ่น โดยได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า ในช่วงระหว่างที่เผยแผ่มาสู่ญี่ปุ่น การฝึกตนของนิกายเซน เน้นที่การนั่งสมาธิเพื่อการรู้แจ้ง
• เซน ยึดถือหลักปฏิบัติธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้า ตามหลักของการฝึกสติ อริยสัจ 4 และมรรค 8 เซน ได้รับการยอมรับจากบุคคลที่ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลนอกทวีปเอเชีย ที่สนใจในเซนสามารถศึกษาและปฏิบัติธรรมได้ และได้เกิดนิกายสายย่อยออกมาที่เรียกว่าคริสเตียนเซน

• เจดีย์มังกร (dragon pagoda)
• เจดีย์มังกร(dragon pagoda) เจดีย์มังกรอยู่ 7 ชั้น ตั้งอยู่ที่เมืองดาลัด วัดนี้เป็นวัดศานาพุทธศาสนนิกายเซนในแบบของชาวเวียดนาม มีจุดเด่นในการใช้เซรามิคหลากหลายสีสัน เป็นศิลกรรมเฉพาะตัว


นั่งกระเช้าเมืองดาลัด วัดตั๊กลัม Truc Lam


• วัดตั๊กลัม (Thien Vien Truc Lam)
• วัดตั๊กลัม (Thien Vien Truc Lam) ที่นี่คือวัดพุทธในนิกายเซน (ZEN) แบบญี่ปุ่น มหายานค่ะ ซึ่งแม้จะเป็นพุทธเช่นนิกายเถรวาทแบบบ้านเรา แต่ธรรมเนียมปฏิบัติหลายๆ ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง
• นิกายเซ็น (Zen) เป็นนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนา อยู่ในฝ่ายมหายาน แต่มีความคล้ายคลึงกับเถรวาทในสายพระป่า เซ็นไม่นิยมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ เซ็นจะเน้นการฝึกปฏิบัติ ฝึกการใช้ปัญญา และสมาธิ เพื่อให้ เกิดพุทธิปัญญาจนเข้าใจหลักธรรมด้วยตนเอง นับถือกันในแถบเอเชียตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี)
• เซน มีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย จากนั้นถูกเผยแพร่มาสู่จีน เกาหลีและญี่ปุ่น โดยได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า ในช่วงระหว่างที่เผยแผ่มาสู่ญี่ปุ่น การฝึกตนของนิกายเซน เน้นที่การนั่งสมาธิเพื่อการรู้แจ้ง
• เซน ยึดถือหลักปฏิบัติธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้า ตามหลักของการฝึกสติ อริยสัจ 4 และมรรค 8 เซน ได้รับการยอมรับจากบุคคลที่ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลนอกทวีปเอเชีย ที่สนใจในเซนสามารถศึกษาและปฏิบัติธรรมได้ และได้เกิดนิกายสายย่อยออกมาที่เรียกว่าคริสเตียนเซน

• เจดีย์มังกร (dragon pagoda)
• เจดีย์มังกร(dragon pagoda) เจดีย์มังกรอยู่ 7 ชั้น ตั้งอยู่ที่เมืองดาลัด วัดนี้เป็นวัดศานาพุทธศาสนนิกายเซนในแบบของชาวเวียดนาม มีจุดเด่นในการใช้เซรามิคหลากหลายสีสัน เป็นศิลกรรมเฉพาะตัว




• สวนดอกไม้เมืองหนาว Flower Park
• สวนดอกไม้เมืองหนาวดาลัด ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทะเลสาบชวนฮวาง บนถนนฟูดงเตียนหวุง ดาลัดได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งดอกไม้ ที่นี่จะมีดอกไม้บานสะพรั่งตลอดปี สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2409 เพื่อให้ปรึกษาด้านการเกษตรกรทางภาคใต้ ต่อมาได้ทำการรวมรวบพรรณไม้มากมายทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ต้น และกล้วยไม้พันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งกล้วยไม้ตัดดอกจำนวนมากถูกส่งออกจากดาลัด และนอกจากดอกไม้ พืชผักเมืองหนาวก้อสามารถปลูกได้ดีไม่แพ้กัน ทำให้ดาลัดเป็นแหล่งผลิตพืชผักเมืองหนาวของประเทศ

• โบสถ์โดเมนเดมารี (โบสถ์สีชมพู)
• โบสถ์โดเมนเดมารี (โบสถ์สีชมพู) ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเตี้ย ๆ บนถนนโงเกวี่ยนตัวอาคารเป็นสีชมพู สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2485 โดยภริยาของผู้ว่าการอินโดไชน่าชาวฝรั่งเศส จากนั้นแม่ชีของทางคอนแวนต์เริ่มมีรายได้จากการการปลูกและขายพืชผักผลไม้ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนให้เป็นสวนดอกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เป็นคริสต์ศาสนิกชน และคนทั่วไป


สวนดอกไม้เมืองหนาวดาลัด


• สวนดอกไม้เมืองหนาว Flower Park
• สวนดอกไม้เมืองหนาวดาลัด ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทะเลสาบชวนฮวาง บนถนนฟูดงเตียนหวุง ดาลัดได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งดอกไม้ ที่นี่จะมีดอกไม้บานสะพรั่งตลอดปี สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2409 เพื่อให้ปรึกษาด้านการเกษตรกรทางภาคใต้ ต่อมาได้ทำการรวมรวบพรรณไม้มากมายทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ต้น และกล้วยไม้พันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งกล้วยไม้ตัดดอกจำนวนมากถูกส่งออกจากดาลัด และนอกจากดอกไม้ พืชผักเมืองหนาวก้อสามารถปลูกได้ดีไม่แพ้กัน ทำให้ดาลัดเป็นแหล่งผลิตพืชผักเมืองหนาวของประเทศ

• โบสถ์โดเมนเดมารี (โบสถ์สีชมพู)
• โบสถ์โดเมนเดมารี (โบสถ์สีชมพู) ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเตี้ย ๆ บนถนนโงเกวี่ยนตัวอาคารเป็นสีชมพู สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2485 โดยภริยาของผู้ว่าการอินโดไชน่าชาวฝรั่งเศส จากนั้นแม่ชีของทางคอนแวนต์เริ่มมีรายได้จากการการปลูกและขายพืชผักผลไม้ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนให้เป็นสวนดอกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เป็นคริสต์ศาสนิกชน และคนทั่วไป




หุบเขาแห่งรัก Valley Of Love
• หุบเขาแห่งรัก อยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบมาฮวาง หรือที่ชาวเวียดนามเรียกกันว่าทุงหลุงติงห์เฉียว เป็นผืนป่าที่จักรพรรดิเบ๋าได๋เคยทรงเข้ามาล่าสัตว์ในสมัยก่อน มีลักษณะเป็นหุบเขามีทะเลสาบอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเนินเขาเตี้ย ๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นสน ก่อนจะเดินขึ้นไปยังทะเลสาบด้านบนจะเป็นสวนสนุกมีเครื่องเล่นมากมาย มีบริการขี่ม้าและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก หรือจะเลือกปั่นจักรยานน้ำในทะเลสาบ ส่วนด้านบนเป็นร้านขายของที่ระลึก และมุมสงบสำหรับพักผ่อน

• นิทานแห่งความรัก
• นิทานแห่งความรัก (เรื่องแต่งขึ้นเป็นนิยายเพื่อให้เข้ากับชื่อหุบเขาแห่งความรัก) เล่ากันว่า สถานที่นี่เคยเป็นสถานที่แห่งความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เรื่องราวความรักระหว่างนายทหารหนุ่มชาวดาลัดกับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก โดยเหตุการณ์นี้เกิดในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงที่นายทหารผู้นี้ต้องไปทำการรบกับข้าศึกชาวจีนมองโกเลียที่มารุกรานเวียดนาม โดยทั้งสองคนได้สัญญาว่าเมื่อชายหนุ่มกลับมาพบกันตามเวลาที่นัดหมาย ก็จะแต่งงานกัน เมื่อถึงเวลานัด สาวเจ้าก็ไปรอนายทหารหนุ่มคู่รักที่หุบเขาแห่งนี้ แต่เผอิญทหารหนุ่มเกิดไม่ได้มาตามนัด สาวเจ้าก็เศร้าโศกเสียใจ คิดว่าคนรักตายในสนามรบซะแล้ว ก็เลยมาโดดหุบเขาฆ่าตัวตายที่นี่ สุดท้ายเมื่อนายทหารหนุ่มกลับมาและได้ข่าวว่าคนรักตัวเองโดดเขาตายไปเสียแล้ว เขาจึงฆ่าตัวตายตามไปในที่สุด


เที่ยวดาลัด หุบเขาแห่งความรัก Velley Of Love


หุบเขาแห่งรัก Valley Of Love
• หุบเขาแห่งรัก อยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบมาฮวาง หรือที่ชาวเวียดนามเรียกกันว่าทุงหลุงติงห์เฉียว เป็นผืนป่าที่จักรพรรดิเบ๋าได๋เคยทรงเข้ามาล่าสัตว์ในสมัยก่อน มีลักษณะเป็นหุบเขามีทะเลสาบอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเนินเขาเตี้ย ๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นสน ก่อนจะเดินขึ้นไปยังทะเลสาบด้านบนจะเป็นสวนสนุกมีเครื่องเล่นมากมาย มีบริการขี่ม้าและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก หรือจะเลือกปั่นจักรยานน้ำในทะเลสาบ ส่วนด้านบนเป็นร้านขายของที่ระลึก และมุมสงบสำหรับพักผ่อน

• นิทานแห่งความรัก
• นิทานแห่งความรัก (เรื่องแต่งขึ้นเป็นนิยายเพื่อให้เข้ากับชื่อหุบเขาแห่งความรัก) เล่ากันว่า สถานที่นี่เคยเป็นสถานที่แห่งความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เรื่องราวความรักระหว่างนายทหารหนุ่มชาวดาลัดกับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก โดยเหตุการณ์นี้เกิดในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงที่นายทหารผู้นี้ต้องไปทำการรบกับข้าศึกชาวจีนมองโกเลียที่มารุกรานเวียดนาม โดยทั้งสองคนได้สัญญาว่าเมื่อชายหนุ่มกลับมาพบกันตามเวลาที่นัดหมาย ก็จะแต่งงานกัน เมื่อถึงเวลานัด สาวเจ้าก็ไปรอนายทหารหนุ่มคู่รักที่หุบเขาแห่งนี้ แต่เผอิญทหารหนุ่มเกิดไม่ได้มาตามนัด สาวเจ้าก็เศร้าโศกเสียใจ คิดว่าคนรักตายในสนามรบซะแล้ว ก็เลยมาโดดหุบเขาฆ่าตัวตายที่นี่ สุดท้ายเมื่อนายทหารหนุ่มกลับมาและได้ข่าวว่าคนรักตัวเองโดดเขาตายไปเสียแล้ว เขาจึงฆ่าตัวตายตามไปในที่สุด




• ข้อมูลท่องเที่ยวดาลัด
• ดาลัดสวิสเซอร์แลนด์เวียดนาม เป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ในจังหวัดลามดงทางภาคใต้ตอนบนของเวียดนามสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกจากประเทศไทยโดยมีเที่ยวบินตรงสู่โฮจิมินห์ซิตี้ จากนั้นนั่งรถประจำทางจากโฮจิมินห์บริเวณสถานีขนส่งเมียงดอง มาตามเส้นทางเบียนฮวาระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ยังมีเที่ยวบินจากฮานอยบินตรงสู่ดาลัดด้วย
• การเดินทางในเมืองดาลัด
• ดาลัด ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโอบล้อมไปด้วยทิวเขา การเช่าจักรยานปั่นจึงไม่ใช่วิธีที่ดีนักและไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะสถานที่แต่ละแห่งนั้นอยู่ไกลจากกันวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั่งรถเที่ยวชมตัวเมือง หรือจะเช่าขี่เองซึ่งต้องใช้ความชำนาญเพราะรถค่อนข้างเยอะในเขตเมือง และนอกเมืองจะเป็นทางบนเขา
• เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาปกคลุมด้วยทิวสน ทะเลสาบ และป่าไม้ที่ราบสูงลามเวียดที่อยู่ติดกับแม่น้ำกามลี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 17 องศษเซลเซียสนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โรแมนติคที่สุดของเวียดนาม และได้รับอีกสมญานามว่า เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ จากความงดงามของภูมิประเทศนี้ทำให้ครั้งหนึ่งชนชั้นปกครองของฝรั่งเศสเคยคิดจะสร้างให้เมืองเล็ก ๆ ในหุบเขาแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน ที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในตอนปลายของศตวรรษที่ 19 แต่ภายหลังการสำรวจพื้นที่แล้วก้อไม่ได้จัดตั้งขึ้น แต่กลับทำให้เกิดการก่อตั้งศูนย์วิจัยทางการเกษตรและอุตุนิยมวิทยาขึ้นที่นี่

• ดาลัด ปารีสตะวันนออก เมืองแห่งดอกไม้
• ดาลัด ตั้งอยู่ในตลาดลามดง ทางภาคใต้ตอนบนของเวียดนาม ชื่อ ดาลัด มาจากคำ 2 คำ คือ ดา หมายถึง แหล่งกำเนิดหรือแม่น้ำกามลี ส่วนคำว่า ลัด เป็นชื่อของชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นี่ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ปกคลุมไปด้วยทิวสน ทะเลสาบ และป่าไม้บนที่ราบสูงลามเวียต ถัดจากแม่น้ำกามลี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 17 องศาเซลเซียส นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โรแมนติคของเวียดนาม และได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ จากความงดงามและเงียบสงบ ทำให้ครั้งหนึ่งชนชั้นปกครองชาวฝรั่งเศสเคยคิดจะสร้างให้เป็นเมืองหลวงของสมาพันธรัฐอินโดจีนที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในตอนปลายศตวรรษที่ 19 แต่หลังจากสำรวจพื้นที่แล้วก็ไม่ได้จัดตั้งขึ้น แต่สร้างหม้เป็นศูนย์วิจัยทางการเกษตรและอุตุนิยมวิทยาขึ้นที่นี่

• สถานที่ท่องเที่ยวในดาลัด
• ทะเลสาบซวนฮวาง (Xuan Huong Lake)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองดาลัด ในยุคอาณานิคมแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสนามกอล์ฟที่สวยงามมากที่สุดของเวียดนาม แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นที่พักผ่อนและชมวิถีชีวิตของชาวดาลัดที่ผ่านทะเลสาบซวนฮวางตลอดทั้งวัน ซึ่งจะได้พบความน่ารักของชาวเมืองที่อยู่กันแบบสังคมเกษตร ซึ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายไม่เร่งรีบ นอกจากนี้ยังมีวิวทิวทัศน์ของเมืองที่มีต้นสนแซมอยู่ทุกบริเวณได้รอบทิศทางอีกด้วย และชมพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาริมทะเลสาบ มีบริการให้เช่าจักรยานปั่นเล่น ร้านอาหารมากมาย เป็นบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติคมาก
• โบสถ์คริสต์ (Evangelical Church)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนเนินเขาในย่านใจกลางเมืองใกล้กับไปรษณีย์กลางดาลัด บนถนนเหวียนวันโตรย (Nguyen Van Troi) โบสถ์สีชมพูอมส้มแห่งนี้ มองเห็นได้ชัดเจนจากทุกมุมของเมืองและเป็นเสมือนสัญลักษณ์์ของเมืองนี้ทีเดียว โบสถ์คริสต์แห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1940 เป็นโบสถ์ของชาวคริสต์โปแตสแตนท์ จะโดดเด่นในด้านการก่อสร้างและตกแต่งสไตล์ตะวันออก
• โบสถ์โดเมนเดมารี (Domaine de Marie Convent)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ บนถนนโงเกวี่ยน (Ngo Quyen) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ.2483 – 2485 ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมาเยือนที่นี่ ทั้งที่เป็นคริสต์ชนและนักท่องเที่ยวทั่วไป
• พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได่ (Bao Dai’s Summer Palace)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่นอกเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได่ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม ได้รับการออกแบบและปลุกสร้างอยู่ใต้ร่มเงาของทิวสนใหญ่ ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 5 ปี โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2476 ซึ่งภายในตัวตึกมีห้องภาพของพระเจ้าเบ๋าได่ พระมเหสี พระโอรส ธิดา และมีห้องสำหรับทรงงาน ในปี พ.ศ. 1975 พระเจ้าเบ๋าได่ เสด็จออกจากประเทศเวียดนาม ไปพำนักยังประเทศฝรั่งเศส พระราชวังแห่งนี้จึงกลายเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์

• หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบซวนฮวางมาราว 5 กิโลเมตร หุบเขาแห่งความรักหรือที่ชาวเวียดนามเรียกทุงหลุงติงห์เอียว มีลักษณะเป็นหุบเขาซึ่งมีวิวทะเลสาบ ล้อมรอบด้วยเนินเขาเตี้ยๆ ที่ปกคลุมด้วยไม้สน
• สวนพฤกษศาสตร์ดาลัด (Dalat Flower Gardens)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทะเลสาบซวนฮวาง บนถนนฟูดงเตียนหวุง (Phu Dong Thien Vuong)
ได้รับการสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2409 เพื่อให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรภาคใต้ ดาลัดได้รับการขนานนามว่าเมืองแห่งดอกไม้ ที่นี่จึงมีดอกไม้บานสะพรั่งตลอดทั้งปี และหากจะต้องการเห็นพรรณไม้ของดาลัดก็ไปยัง สวนพฤกษศาสตร์ดาลัด ที่ได้รวบรวมพรรณไม้ไว้อย่างมากมาย ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ต้น และกล้วยไม้ ที่มีทั้งกล้วยไม้สายพันธุ์แท้และลูกผสม ซึ่งกล้วยไม้ตัดดอกทั้งหมดที่อยู่ในเวียดนามมาจากที่นี่ทั้งสิ้น และยังมีจำพวกผักเมืองหนาวด้วย ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งพืชผักผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของเวียดนาม
• น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่นอกเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร น้ำตกดาตันลาเป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มากแต่มีความสวยงามมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกื้อหนุนทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
• ทะเลสาบพาราไดซ์ (Pasradise Lake หรือ Tuyen Lam Lake)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองดาลัดประมาณ 5 กิโลเมตร ทะเลสาบพาราไดซ์ หรือ ตู้เหยีนลัม เป็นสถานที่ที่เหมาะในการมาพักผ่อน สามารถมองเห็นทะเลสาบสีเขียวมรกตกับทิวสนที่ยืนต้นตระหง่านปกคลุมทุกขุนเขา การนั่งเคเบิ้ลคาร์ สามารถมองเห็นเมืองดาลัดได้ทั้งเมือง เห็นป่าอันงดงาม
• น้ำตกฟงกัว (Pongour Waterfall)
• ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 55 กิโลเมตร น้ำตกฟงกัวจัดเป็นน้ำตกที่สวยงาสมที่สุดในเมืองดาลัด เนื่องจากสายน้ำที่ตกจากหน้าผาสูงกว่า 30 เมตร และกว้างกว่า 100 เมตร ซึ่งมีสายน้ำไหลลงมาจากหน้าผามหาศาลในช่วงฤดูฝน ส่วนในฤดูหนาวน้ำก็จะขาวใส หลังฝนตกใหม่ๆ สายน้ำจะนำตะกอนดินมาด้วยทำให้น้ำสีขุ่นบ้าง


ดาลัด ปารีสตะวันออก เมืองแห่งดอกไม้


• ข้อมูลท่องเที่ยวดาลัด
• ดาลัดสวิสเซอร์แลนด์เวียดนาม เป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ในจังหวัดลามดงทางภาคใต้ตอนบนของเวียดนามสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกจากประเทศไทยโดยมีเที่ยวบินตรงสู่โฮจิมินห์ซิตี้ จากนั้นนั่งรถประจำทางจากโฮจิมินห์บริเวณสถานีขนส่งเมียงดอง มาตามเส้นทางเบียนฮวาระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ยังมีเที่ยวบินจากฮานอยบินตรงสู่ดาลัดด้วย
• การเดินทางในเมืองดาลัด
• ดาลัด ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโอบล้อมไปด้วยทิวเขา การเช่าจักรยานปั่นจึงไม่ใช่วิธีที่ดีนักและไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะสถานที่แต่ละแห่งนั้นอยู่ไกลจากกันวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั่งรถเที่ยวชมตัวเมือง หรือจะเช่าขี่เองซึ่งต้องใช้ความชำนาญเพราะรถค่อนข้างเยอะในเขตเมือง และนอกเมืองจะเป็นทางบนเขา
• เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาปกคลุมด้วยทิวสน ทะเลสาบ และป่าไม้ที่ราบสูงลามเวียดที่อยู่ติดกับแม่น้ำกามลี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 17 องศษเซลเซียสนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โรแมนติคที่สุดของเวียดนาม และได้รับอีกสมญานามว่า เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ จากความงดงามของภูมิประเทศนี้ทำให้ครั้งหนึ่งชนชั้นปกครองของฝรั่งเศสเคยคิดจะสร้างให้เมืองเล็ก ๆ ในหุบเขาแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐอินโดจีน ที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในตอนปลายของศตวรรษที่ 19 แต่ภายหลังการสำรวจพื้นที่แล้วก้อไม่ได้จัดตั้งขึ้น แต่กลับทำให้เกิดการก่อตั้งศูนย์วิจัยทางการเกษตรและอุตุนิยมวิทยาขึ้นที่นี่

• ดาลัด ปารีสตะวันนออก เมืองแห่งดอกไม้
• ดาลัด ตั้งอยู่ในตลาดลามดง ทางภาคใต้ตอนบนของเวียดนาม ชื่อ ดาลัด มาจากคำ 2 คำ คือ ดา หมายถึง แหล่งกำเนิดหรือแม่น้ำกามลี ส่วนคำว่า ลัด เป็นชื่อของชนกลุ่มน้อยเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นี่ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ปกคลุมไปด้วยทิวสน ทะเลสาบ และป่าไม้บนที่ราบสูงลามเวียต ถัดจากแม่น้ำกามลี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,500 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 17 องศาเซลเซียส นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โรแมนติคของเวียดนาม และได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ จากความงดงามและเงียบสงบ ทำให้ครั้งหนึ่งชนชั้นปกครองชาวฝรั่งเศสเคยคิดจะสร้างให้เป็นเมืองหลวงของสมาพันธรัฐอินโดจีนที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในตอนปลายศตวรรษที่ 19 แต่หลังจากสำรวจพื้นที่แล้วก็ไม่ได้จัดตั้งขึ้น แต่สร้างหม้เป็นศูนย์วิจัยทางการเกษตรและอุตุนิยมวิทยาขึ้นที่นี่

• สถานที่ท่องเที่ยวในดาลัด
• ทะเลสาบซวนฮวาง (Xuan Huong Lake)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองดาลัด ในยุคอาณานิคมแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสนามกอล์ฟที่สวยงามมากที่สุดของเวียดนาม แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นที่พักผ่อนและชมวิถีชีวิตของชาวดาลัดที่ผ่านทะเลสาบซวนฮวางตลอดทั้งวัน ซึ่งจะได้พบความน่ารักของชาวเมืองที่อยู่กันแบบสังคมเกษตร ซึ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายไม่เร่งรีบ นอกจากนี้ยังมีวิวทิวทัศน์ของเมืองที่มีต้นสนแซมอยู่ทุกบริเวณได้รอบทิศทางอีกด้วย และชมพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาริมทะเลสาบ มีบริการให้เช่าจักรยานปั่นเล่น ร้านอาหารมากมาย เป็นบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติคมาก
• โบสถ์คริสต์ (Evangelical Church)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนเนินเขาในย่านใจกลางเมืองใกล้กับไปรษณีย์กลางดาลัด บนถนนเหวียนวันโตรย (Nguyen Van Troi) โบสถ์สีชมพูอมส้มแห่งนี้ มองเห็นได้ชัดเจนจากทุกมุมของเมืองและเป็นเสมือนสัญลักษณ์์ของเมืองนี้ทีเดียว โบสถ์คริสต์แห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1940 เป็นโบสถ์ของชาวคริสต์โปแตสแตนท์ จะโดดเด่นในด้านการก่อสร้างและตกแต่งสไตล์ตะวันออก
• โบสถ์โดเมนเดมารี (Domaine de Marie Convent)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ บนถนนโงเกวี่ยน (Ngo Quyen) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ.2483 – 2485 ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมาเยือนที่นี่ ทั้งที่เป็นคริสต์ชนและนักท่องเที่ยวทั่วไป
• พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได่ (Bao Dai’s Summer Palace)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่นอกเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร พระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิเบ๋าได่ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม ได้รับการออกแบบและปลุกสร้างอยู่ใต้ร่มเงาของทิวสนใหญ่ ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 5 ปี โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2476 ซึ่งภายในตัวตึกมีห้องภาพของพระเจ้าเบ๋าได่ พระมเหสี พระโอรส ธิดา และมีห้องสำหรับทรงงาน ในปี พ.ศ. 1975 พระเจ้าเบ๋าได่ เสด็จออกจากประเทศเวียดนาม ไปพำนักยังประเทศฝรั่งเศส พระราชวังแห่งนี้จึงกลายเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์

• หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบซวนฮวางมาราว 5 กิโลเมตร หุบเขาแห่งความรักหรือที่ชาวเวียดนามเรียกทุงหลุงติงห์เอียว มีลักษณะเป็นหุบเขาซึ่งมีวิวทะเลสาบ ล้อมรอบด้วยเนินเขาเตี้ยๆ ที่ปกคลุมด้วยไม้สน
• สวนพฤกษศาสตร์ดาลัด (Dalat Flower Gardens)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทะเลสาบซวนฮวาง บนถนนฟูดงเตียนหวุง (Phu Dong Thien Vuong)
ได้รับการสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2409 เพื่อให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรภาคใต้ ดาลัดได้รับการขนานนามว่าเมืองแห่งดอกไม้ ที่นี่จึงมีดอกไม้บานสะพรั่งตลอดทั้งปี และหากจะต้องการเห็นพรรณไม้ของดาลัดก็ไปยัง สวนพฤกษศาสตร์ดาลัด ที่ได้รวบรวมพรรณไม้ไว้อย่างมากมาย ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ต้น และกล้วยไม้ ที่มีทั้งกล้วยไม้สายพันธุ์แท้และลูกผสม ซึ่งกล้วยไม้ตัดดอกทั้งหมดที่อยู่ในเวียดนามมาจากที่นี่ทั้งสิ้น และยังมีจำพวกผักเมืองหนาวด้วย ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งพืชผักผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของเวียดนาม
• น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่นอกเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร น้ำตกดาตันลาเป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มากแต่มีความสวยงามมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกื้อหนุนทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
• ทะเลสาบพาราไดซ์ (Pasradise Lake หรือ Tuyen Lam Lake)
• ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองดาลัดประมาณ 5 กิโลเมตร ทะเลสาบพาราไดซ์ หรือ ตู้เหยีนลัม เป็นสถานที่ที่เหมาะในการมาพักผ่อน สามารถมองเห็นทะเลสาบสีเขียวมรกตกับทิวสนที่ยืนต้นตระหง่านปกคลุมทุกขุนเขา การนั่งเคเบิ้ลคาร์ สามารถมองเห็นเมืองดาลัดได้ทั้งเมือง เห็นป่าอันงดงาม
• น้ำตกฟงกัว (Pongour Waterfall)
• ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากดาลัดไปทางทิศใต้ประมาณ 55 กิโลเมตร น้ำตกฟงกัวจัดเป็นน้ำตกที่สวยงาสมที่สุดในเมืองดาลัด เนื่องจากสายน้ำที่ตกจากหน้าผาสูงกว่า 30 เมตร และกว้างกว่า 100 เมตร ซึ่งมีสายน้ำไหลลงมาจากหน้าผามหาศาลในช่วงฤดูฝน ส่วนในฤดูหนาวน้ำก็จะขาวใส หลังฝนตกใหม่ๆ สายน้ำจะนำตะกอนดินมาด้วยทำให้น้ำสีขุ่นบ้าง




• หวุงเต่า เมืองชายทะเลอันแสนสงบ
• ที่ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากโฮจิมินห์ 125 กิโลเมตร
• การเดินทาง มีรถโดยสารจากโฮจิมินห์ซิตี้ออกเดินทางทุกวัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานีตรงข้ามตลาดบินถั่น (Ben Thanh Market)
• ในศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงที่เรือของพ่อค้าชาวโปรตุเกสได้มาทอดสมออยู่ในอ่าวหวุงเต่า นอกจากนี้สมัยที่อยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศสอ่าวนี้มีชื่อว่า อ่างแซงต์จ๊าคส์ (Cap Saint Jacques) เป็นที่พักตากอากาศชายทะเลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เมืองท่าชายฝั่งและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งนี้เป็นเขตอุตสาหกรรมก๊าชธรรมชาติและน้ำมันที่กำลังเติมโตของเวียดนาม
• หาดถุ่ยวัน (Thuy Van) เป็นหาดที่มีความงดงามและมีความยาวถึง 7 กิโลเมตร ไปตามชายฝั่งทะเลตะวันออก ถุ่ยวัน ได้รับความนิยมมากในหมู่ชาวพื้นเมืองและมีคนค่อนข้างหนาแน่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ถัดจากหาดทรายเข้าไปมีวัดและเจดีย์ในพุทธศาสนาอยู่กว่า 100 แห่ง ที่ที่ไม่ควรพลาดเลยคือ ลางกาอง (Lang Ca Ong) หรือวัดปลาวาฬ บนถนนฮวางฮวาทาม (Hoang Hoa Tham Avenue) วัดนี้สร้างในปี พ.ศ. 2454 เพื่ออุทิศให้กับลัทธิปลาวาฬ กลุ่มคนที่มาสถานที่นี้มากที่สุดคือชาวประมงซึ่งนับถือปลาวาฬในฐานนะที่เป็นผู้ช่วยชีวิตจากอันตรายในทะเลลึก โครงกระดูกปราวาฬที่ขึ้นมาเกยหาดแถบนี้ถูกเก็บไว้ในหีบใบใหญ่ บางโครงมีความยาวถึง 4 เมตร และบางโครงมาอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411
ชาวเวียดนามรับเอาลัทธิปลาวาฬมาจากคนที่อยู่ในอาณาจักรจามปา ผู้ซึ่งบูชาเทพเจ้าปลาวาฬ ทุกๆ ปีในวันที่ 16 ของเดือน 8 ตามจันทรคติ ชาวประมงจำมาชุมนุมกันที่วัดนี้เพื่อเซ่นสังเวยปลาวาฬ มีเกร็ดย่อยๆ นับพันเรื่องในนิทานพื้นบ้านของชาวเวียดนามที่เกี่ยวกับปลาวาฬ
• วิลล่าบลองเช่ (Villa Blanche หรือ วิลล่าขาว)
• ตั้งอยู่ ในบริเวณอันงดงามบนไหล่เขานุยเลิน สำหรับพบ้านพักตากอากาศแห่งนี้มีลักษณะโดดเด่นมาก ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ที่สามารถมองเห็นเมืองได้เป็นอย่างดี และเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์อันตระการตาหรือหวุงเต่าอีกด้วย วิลล่านี้สร้างโดยผู้ปกครองชาวฝรั่งเศส ซึ่งมักจะเรียกกันว่าผู้สำเร็จราชการ พระเจ้าแถงห์ไท (Thanh Thai) เคยประทับอยู่ที่นี่ระหว่างปี พ.ศ. 2450 – 2459 จนกระทั่งพระองค์ถูกเนรเทศออกไปพร้อมกับพระเจ้ายวุยเติน (Duy Tan) โอรสของพระองค์ไปประทับอยู่บนเกาะรียูเนี่ยน (Reunion Island) ต่อมาวิลล่าแห่งนี้ได้กลายเป็นที่พักริมฝั่งทะเลของประธานาธิบดีเวียตนามใต้ 2 คน คือ เยียม และเทียว
ถนนเลียบชายฝั่งทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทร ที่เดิมเรียกกันว่ารูทเดอลาปะติทคอร์นิช (Route de la Petite Corniche) จะทอดตัวคดเคี้ยวไปตามความสูงต่ำของภูเขานุยเลิน ถัดไปคุณจะพบรูปปั้นพระเยซูสูง 30 เมตร ยืนทอดพระเนตรไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก ตรงจุดใต้สุดของคาบสมุทรรูปหั้นนี้สร้างขึ้นโดยชาวอเมริกันใน ปี พ.ศ. 2514

• สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
• ตามหลักฐานทางวิชาการกล่าวว่าดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในสมัยโบราณเคยเป็นอาณาเขตของกัมพูชา มีภูมิประเทศเป็นหนองบึง และป่าไม้ ก่อนที่ชาวอาณานิคมพวกแรกที่เข้ามาทางทะเลจะมาถึงในศตวรรษที่ 16 ในสมัยที่อยู่ใต้การปกครองของขุนพลตระกูลเหวียนนั้น ได้มีการปรับปรุงสภาพหนองบึงผืนใหญ่ และสร้างเครือข่ายลำคลองเล็กๆ มากมาย จนปลายศาตวรรษที่ 18 ได้มีการขุดคลองใหญ่ขึ้น 2 สาย คือ คลองไทฮวา (Thai Hoa) ซึ่งเชื่อมเมืองร้ากยา (Rach Gia) กับเมืองลองเสวียน (Long Xuyen) และคลองวิงห์เต (Vinh Te) ซึ่งเชื่อมเมืองเจาด๊ก (Chau Doc)

• ล่องเรือสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
• ที่ตั้ง : อยู่บริเวณปากแม่น้ำโขงทางทิศใต้ของโฮจิมินห์ซิตี้
นักท่องเที่ยวควรเลือกซื้อแพ็คเก็จแบบวันเดย์ทัวร์จะสะดวกกว่า การล่องเรือท่องเที่ยวบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง แนะนำให้ไปเที่ยวจังหวัดเตียงยาง (Tien Giang) ซึ่งเป็นเขตปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ
• หมี่โถ (My Tho) เมืองเอกของจังหวัดซึ่งมีประชากรราว 90,000 คน ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำมีโอ อันเป็นสาขาเหนือสุดของแม่น้ำโขง เมืองนี้ตั้งขึ้นช่วงทศวรรษที่ 1680 โดยผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากไต้หวันและโฮจิมินห์ซิตี้ สามารถเดินทางมาเมืองนี้ได้อย่างสะดวกสบายโดยรถประจำทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือโดยทางเรือซึ่งจะกินเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
ลงเรือที่ท่าเรือของเมืองหมี่โถ เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวชมความหลากหลายของชีวภาพของเกาะต่างๆ ที่อยู่กลางแม่น้ำโขง คนท้องถิ่นเรียกว่า แม่น้ำเตียน ซึ่งจะมีไกด์บรรยายทันทีเมื่อเรือออกจากฝั่งแล่นผ่านเกาะต่างๆ ในแม่น้ำ โดยบรรยายถึงประวัติความเป็นมาของแต่ละเกาะ วัฒนธรรม ประเพณี อาชีพ การดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวบ้านบนเกาะ
• จากฝั่งเมืองหมี่โถประมาณ 30 นาที จะถึงเกาะยูนิครอน เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง มีความกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร และมีความยาวประมาณ 11 กิโลเมตร มีผู้คนอาศัยอยู่ อาชีพหลักของคนบนเกาะนี้คือการเกษตรปลุกผลไม้ต่างๆ เช่น ลำไย กล้วยไข่ ละมุด เงาะ มะละกอ สัปปะรด มะพร้าว มีจุดสาธิต แสดงผลผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของชาวบ้าน มีผลิตภัณฑ์ลูกอมกะทิและผลไม้อบแห้งต่างๆ และหัตถกรรมพื้นบ้าน ที่ทำจากต้นมะพร้าวอายุกว่า 100 ปี มีการบริการน้ำส้มคั้นผสมน้ำผึ้ง และเหล้าดองสมุนไพรให้บริการนักท่องเที่ยวพร้อมฟังดนตรีบรรเลงพื้นเมืองด้วย

หวุงเต่า สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง แหล่งท่องเที่ยวโฮจิมินห์


• หวุงเต่า เมืองชายทะเลอันแสนสงบ
• ที่ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากโฮจิมินห์ 125 กิโลเมตร
• การเดินทาง มีรถโดยสารจากโฮจิมินห์ซิตี้ออกเดินทางทุกวัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถานีตรงข้ามตลาดบินถั่น (Ben Thanh Market)
• ในศตวรรษที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงที่เรือของพ่อค้าชาวโปรตุเกสได้มาทอดสมออยู่ในอ่าวหวุงเต่า นอกจากนี้สมัยที่อยู่ใต้อำนาจของฝรั่งเศสอ่าวนี้มีชื่อว่า อ่างแซงต์จ๊าคส์ (Cap Saint Jacques) เป็นที่พักตากอากาศชายทะเลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เมืองท่าชายฝั่งและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งนี้เป็นเขตอุตสาหกรรมก๊าชธรรมชาติและน้ำมันที่กำลังเติมโตของเวียดนาม
• หาดถุ่ยวัน (Thuy Van) เป็นหาดที่มีความงดงามและมีความยาวถึง 7 กิโลเมตร ไปตามชายฝั่งทะเลตะวันออก ถุ่ยวัน ได้รับความนิยมมากในหมู่ชาวพื้นเมืองและมีคนค่อนข้างหนาแน่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ถัดจากหาดทรายเข้าไปมีวัดและเจดีย์ในพุทธศาสนาอยู่กว่า 100 แห่ง ที่ที่ไม่ควรพลาดเลยคือ ลางกาอง (Lang Ca Ong) หรือวัดปลาวาฬ บนถนนฮวางฮวาทาม (Hoang Hoa Tham Avenue) วัดนี้สร้างในปี พ.ศ. 2454 เพื่ออุทิศให้กับลัทธิปลาวาฬ กลุ่มคนที่มาสถานที่นี้มากที่สุดคือชาวประมงซึ่งนับถือปลาวาฬในฐานนะที่เป็นผู้ช่วยชีวิตจากอันตรายในทะเลลึก โครงกระดูกปราวาฬที่ขึ้นมาเกยหาดแถบนี้ถูกเก็บไว้ในหีบใบใหญ่ บางโครงมีความยาวถึง 4 เมตร และบางโครงมาอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411
ชาวเวียดนามรับเอาลัทธิปลาวาฬมาจากคนที่อยู่ในอาณาจักรจามปา ผู้ซึ่งบูชาเทพเจ้าปลาวาฬ ทุกๆ ปีในวันที่ 16 ของเดือน 8 ตามจันทรคติ ชาวประมงจำมาชุมนุมกันที่วัดนี้เพื่อเซ่นสังเวยปลาวาฬ มีเกร็ดย่อยๆ นับพันเรื่องในนิทานพื้นบ้านของชาวเวียดนามที่เกี่ยวกับปลาวาฬ
• วิลล่าบลองเช่ (Villa Blanche หรือ วิลล่าขาว)
• ตั้งอยู่ ในบริเวณอันงดงามบนไหล่เขานุยเลิน สำหรับพบ้านพักตากอากาศแห่งนี้มีลักษณะโดดเด่นมาก ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ที่สามารถมองเห็นเมืองได้เป็นอย่างดี และเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์อันตระการตาหรือหวุงเต่าอีกด้วย วิลล่านี้สร้างโดยผู้ปกครองชาวฝรั่งเศส ซึ่งมักจะเรียกกันว่าผู้สำเร็จราชการ พระเจ้าแถงห์ไท (Thanh Thai) เคยประทับอยู่ที่นี่ระหว่างปี พ.ศ. 2450 – 2459 จนกระทั่งพระองค์ถูกเนรเทศออกไปพร้อมกับพระเจ้ายวุยเติน (Duy Tan) โอรสของพระองค์ไปประทับอยู่บนเกาะรียูเนี่ยน (Reunion Island) ต่อมาวิลล่าแห่งนี้ได้กลายเป็นที่พักริมฝั่งทะเลของประธานาธิบดีเวียตนามใต้ 2 คน คือ เยียม และเทียว
ถนนเลียบชายฝั่งทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทร ที่เดิมเรียกกันว่ารูทเดอลาปะติทคอร์นิช (Route de la Petite Corniche) จะทอดตัวคดเคี้ยวไปตามความสูงต่ำของภูเขานุยเลิน ถัดไปคุณจะพบรูปปั้นพระเยซูสูง 30 เมตร ยืนทอดพระเนตรไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก ตรงจุดใต้สุดของคาบสมุทรรูปหั้นนี้สร้างขึ้นโดยชาวอเมริกันใน ปี พ.ศ. 2514

• สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
• ตามหลักฐานทางวิชาการกล่าวว่าดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในสมัยโบราณเคยเป็นอาณาเขตของกัมพูชา มีภูมิประเทศเป็นหนองบึง และป่าไม้ ก่อนที่ชาวอาณานิคมพวกแรกที่เข้ามาทางทะเลจะมาถึงในศตวรรษที่ 16 ในสมัยที่อยู่ใต้การปกครองของขุนพลตระกูลเหวียนนั้น ได้มีการปรับปรุงสภาพหนองบึงผืนใหญ่ และสร้างเครือข่ายลำคลองเล็กๆ มากมาย จนปลายศาตวรรษที่ 18 ได้มีการขุดคลองใหญ่ขึ้น 2 สาย คือ คลองไทฮวา (Thai Hoa) ซึ่งเชื่อมเมืองร้ากยา (Rach Gia) กับเมืองลองเสวียน (Long Xuyen) และคลองวิงห์เต (Vinh Te) ซึ่งเชื่อมเมืองเจาด๊ก (Chau Doc)

• ล่องเรือสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
• ที่ตั้ง : อยู่บริเวณปากแม่น้ำโขงทางทิศใต้ของโฮจิมินห์ซิตี้
นักท่องเที่ยวควรเลือกซื้อแพ็คเก็จแบบวันเดย์ทัวร์จะสะดวกกว่า การล่องเรือท่องเที่ยวบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง แนะนำให้ไปเที่ยวจังหวัดเตียงยาง (Tien Giang) ซึ่งเป็นเขตปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ
• หมี่โถ (My Tho) เมืองเอกของจังหวัดซึ่งมีประชากรราว 90,000 คน ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำมีโอ อันเป็นสาขาเหนือสุดของแม่น้ำโขง เมืองนี้ตั้งขึ้นช่วงทศวรรษที่ 1680 โดยผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากไต้หวันและโฮจิมินห์ซิตี้ สามารถเดินทางมาเมืองนี้ได้อย่างสะดวกสบายโดยรถประจำทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือโดยทางเรือซึ่งจะกินเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
ลงเรือที่ท่าเรือของเมืองหมี่โถ เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวชมความหลากหลายของชีวภาพของเกาะต่างๆ ที่อยู่กลางแม่น้ำโขง คนท้องถิ่นเรียกว่า แม่น้ำเตียน ซึ่งจะมีไกด์บรรยายทันทีเมื่อเรือออกจากฝั่งแล่นผ่านเกาะต่างๆ ในแม่น้ำ โดยบรรยายถึงประวัติความเป็นมาของแต่ละเกาะ วัฒนธรรม ประเพณี อาชีพ การดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวบ้านบนเกาะ
• จากฝั่งเมืองหมี่โถประมาณ 30 นาที จะถึงเกาะยูนิครอน เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง มีความกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร และมีความยาวประมาณ 11 กิโลเมตร มีผู้คนอาศัยอยู่ อาชีพหลักของคนบนเกาะนี้คือการเกษตรปลุกผลไม้ต่างๆ เช่น ลำไย กล้วยไข่ ละมุด เงาะ มะละกอ สัปปะรด มะพร้าว มีจุดสาธิต แสดงผลผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของชาวบ้าน มีผลิตภัณฑ์ลูกอมกะทิและผลไม้อบแห้งต่างๆ และหัตถกรรมพื้นบ้าน ที่ทำจากต้นมะพร้าวอายุกว่า 100 ปี มีการบริการน้ำส้มคั้นผสมน้ำผึ้ง และเหล้าดองสมุนไพรให้บริการนักท่องเที่ยวพร้อมฟังดนตรีบรรเลงพื้นเมืองด้วย

ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม

ประเทศเวียดนาม มีรูปร่างคล้ายตัว S ทอดตัวยาวเหยียดไปตามแหลมอินโดจีน ด้านตะวันออกติดทะเลจีนใต้ ด้านเหนือติดจีน ด้านตะวันตกติดลาว และกัมพูชา สามในสี่ของพื้นที่เป็นภูเขาและป่า ครอบคลุมทะเล ไหล่ทวีป และหมู่เกาะนับพันเกาะจากอ่าวตังเกี๋ยจรดอ่าวไทย รวมทั้งหมู่เกาะสแปรตลีและพาราเซลที่จีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศแย่งกันอ้างกรรมสิทธิ์ สาเหตุเป็นเพราะมีแหล่งน้ำมันใต้ดินที่อุดมสมบูรณ์

แผนที่ประเทศเวียดนาม